การคำนวณ ขนาด Louver สำหรับการ เติมอากาศ (Fresh Air Intake) จำเป็นต้องพิจารณาทั้ง ปริมาณลมที่ต้องการ (CFM) และ ความเร็วลมที่ผ่าน Louver (Face Velocity) เพื่อให้ได้ขนาดหน้าตัดของ Louver ที่เหมาะสม ไม่เกิดเสียงดัง ไม่ดูดน้ำฝนเข้า และทำงานได้มีประสิทธิภาพ
✅ 1. สูตรการคำนวณขนาด Louver
\text{Area}_{\text{Louver}} = \frac{\text{Airflow (CFM)}}{\text{Face Velocity (fpm)}}
• Airflow (CFM) = ปริมาณลมที่ต้องการผ่าน Louver (ลูกบาศก์ฟุต/นาที)
• Face Velocity (fpm) = ความเร็วลมที่หน้า Louver (ปกติใช้ 300–500 fpm สำหรับ Fresh Air)
✅ 2. ค่ามาตรฐานที่นิยมใช้
ประเภทการใช้งาน Face Velocity แนะนำ (fpm)
Fresh Air Intake 300–500
Exhaust Air 500–800
✅ 3. ตัวอย่างการคำนวณ
โจทย์: ต้องการให้ลมเข้าอาคาร 2,000 CFM โดยผ่าน Louver
• ใช้ Face Velocity = 400 fpm
\text{Area}_{\text{Louver}} = \frac{2000}{400} = 5 \text{ ft²}
ดังนั้น ต้องการ Louver ขนาด 5 ตารางฟุต (ยังไม่รวม Free Area Correction)
✅ 4. การปรับขนาดจาก Free Area (ช่องเปิดจริง)
Louver มี Free Area เฉลี่ยอยู่ที่ 45–60%
ต้อง หาร Free Area เพื่อให้ได้ขนาดจริงของ Louver:
\text{Required Area}_{\text{Actual}} = \frac{5}{0.5} = 10 \text{ ft²}
• ถ้าเลือก Free Area = 50% → ต้องใช้ Louver ขนาด 10 ft²
✅ 5. สรุปขั้นตอนคำนวณ
1. คำนวณ CFM ที่ต้องการรับลม
2. เลือก Face Velocity ที่เหมาะสม (เช่น 400 fpm)
3. คำนวณ Area = CFM ÷ Face Velocity
4. ปรับด้วย Free Area → Area ÷ Free Area (%)
5. ออกแบบขนาดกรอบ เช่น กว้าง × สูง (เช่น 2’ × 5’ = 10 ft²)
✅ 6. ตัวอย่างขนาดจริง
ต้องการเติมอากาศ 2,000 CFM ด้วย Louver ที่ Face Velocity = 400 fpm และ Free Area 50%:
• ต้องใช้ Louver ขนาดรวม 10 ft²
• อาจเลือกใช้ Louver ขนาด 2.5 ฟุต × 4 ฟุต (10 ft²)
• ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ตำแหน่งติดตั้งไม่โดนฝนโดยตรง และมี Drainage/Drip Edge