294642708_452685863532049_2906726039201655041_n

วิเคราะห์การคำนวณกระแสไฟฟ้าระบบ 3 เฟส (AC)

วิเคราะห์การคำนวณกระแสไฟฟ้าระบบ 3 เฟส (AC)สูตรที่กำหนดต้องการคำนวณหาค่ากระแสไฟฟ้า(I) ที่มอเตอร์ (อาจเป็นคอมเพรสเซอร์ของแอร์) ดึงพลังงานไปใช้ โดยอาศัยค่ากำลังไฟฟ้า(P) และค่าแรงดันไฟฟ้า(V) ที่กำหนดให้ พร้อมทั้งพิจารณาค่า Power Factor(PF) และค่า Efficiency(Ef) ซึ่งเป็นค่าที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้า สูตรที่ใช้ I = P / (1.732 * V * PF * Ef)P คือ กำลังไฟฟ้า (Watt)V คือ แรงดันไฟฟ้า (Volt)PF คือ Power Factor (ค่าสัมประสิทธิ์กำลัง)Ef คือ Efficiency (ประสิทธิภาพ) โดยกำหนดให้⚪​P (#กำลังไฟฟ้า) คือ ปริมาณงานที่มอเตอร์ทำได้ต่อหน่วยเวลา หน่วยเป็นวัตต์ (Watt)⚪​V (#แรงดันไฟฟ้า) คือ ความต่างศักย์ทางไฟฟ้าระหว่างสายไฟ...

ความเร็วของโซ่ (Chain Speed)

ความเร็วของโซ่ (Chain Speed)📌​#ความเร็วของโซ่ คือ อัตราเร็วที่โซ่เคลื่อนที่ผ่านจุดใดจุดหนึ่งในหนึ่งหน่วยเวลา โดยทั่วไปจะวัดเป็นฟุตต่อนาที (feet per minute หรือ FPM) การคำนวณความเร็วของโซ่นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการออกแบบและเลือกใช้โซ่ให้เหมาะสมกับงาน เนื่องจากความเร็วที่สูงเกินไปอาจทำให้โซ่สึกหรอเร็วขึ้น หรืออาจทำให้เกิดความร้อนและเสียงดังได้ ในขณะที่ความเร็วที่ต่ำเกินไปอาจทำให้การทำงานของระบบไม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเร็วของโซ่ จำนวนฟันของเฟือง(#Teeth)คือ จำนวนฟันของเฟืองที่โซ่สัมผัสจะส่งผลโดยตรงต่อความเร็วของโซ่ เฟืองที่มีจำนวนฟันมากจะทำให้โซ่หมุนช้าลง และในทางกลับกัน เฟืองที่มีจำนวนฟันน้อยจะทำให้โซ่หมุนเร็วขึ้น ระยะห่างระหว่างฟัน(#Pitch)คือ ระยะห่างระหว่างฟันของโซ่จะกำหนดความยาวของโซ่หนึ่งช่วง และมีผลต่อความเร็วของโซ่เช่นกัน ความเร็วรอบของเพลา(#RPM)คือ ความเร็วรอบของเพลาที่ขับเคลื่อนโซ่จะส่งผลโดยตรงต่อความเร็วของโซ่ ยิ่งความเร็วรอบของเพลาสูงเท่าไหร่ ความเร็วของโซ่ก็จะสูงขึ้นเท่านั้น 📌​ #สูตรคำนวณความเร็วของโซ่ความเร็วของโซ่สามารถคำนวณได้จากสูตรต่อไปนี้ ✅ FPM = (จำนวนฟันของเฟือง x ระยะห่างระหว่างฟัน x ความเร็วรอบของเพลา) / 12 โดยที่#FPM = ความเร็วของโซ่ (ฟุตต่อนาที)#จำนวนฟันของเฟือง = จำนวนฟันของเฟืองที่โซ่สัมผัส#ระยะห่างระหว่างฟัน = ระยะห่างระหว่างฟันของโซ่ (หน่วยเป็นนิ้ว)#ความเร็วรอบของเพลา =...

📢 3 วิธีเลือกพัดลมดูดอากาศในโรงงานอุตสาหกรรม

📢 3 วิธีเลือกพัดลมดูดอากาศในโรงงานอุตสาหกรรม การเลือกพัดลมดูดอากาศในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการระบายอากาศที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดปัญหาความร้อนสะสม และป้องกันการสะสมของก๊าซหรือฝุ่นที่เป็นอันตรายต่อพนักงานและเครื่องจักร ต่อไปนี้คือ 3 ปัจจัยหลักที่ควรคำนึงถึงในการเลือกพัดลมสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม 👍 ✅ ดูขนาดพื้นที่และลักษณะการใช้งานควรพิจารณาขนาดของพื้นที่ที่ต้องการระบายอากาศ เช่น หากพื้นที่มีขนาดใหญ่ ควรเลือกพัดลมที่มีกำลังแรงเพียงพอในการดูดอากาศได้อย่างทั่วถึง รวมถึงพิจารณาลักษณะการใช้งานว่าต้องการการระบายอากาศแบบใด เช่น ในโรงงานที่มีก๊าซหรือควันมาก อาจต้องใช้พัดลมที่มีคุณสมบัติพิเศษในการกรองอากาศหรือดูดควันโดยเฉพาะ ✅ ดูค่ากำลังไฟและแรงดันไฟฟ้าที่จะใช้งานพัดลมแต่ละประเภทจะมีกำลังไฟและแรงดันไฟฟ้าที่แตกต่างกัน ควรเลือกพัดลมที่เหมาะสมกับระบบไฟฟ้าภายในโรงงาน เพื่อให้การทำงานของพัดลมมีประสิทธิภาพสูงสุดและปลอดภัยต่อการใช้งาน ลดปัญหาการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือพัดลมทำงานหนักเกินไป ✅ ดูสินค้าที่ได้มาตรฐาน มีการรับรองคุณภาพการเลือกพัดลมที่มีมาตรฐานการผลิตสูงและผ่านการรับรองคุณภาพจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าพัดลมนั้นทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน และปลอดภัยต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมโรงงานอุตสาหกรรม ที่อาจมีความร้อนและการทำงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน TN Group เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าระบบลมและโบลเวอร์อุตสาหกรรม สามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมกับหน้างานที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมให้คำปรึกษาทุกประเภทธุรกิจ ด้วยประสบการ์ณมากกว่า 15 ปี ที่เราได้รับความไว้วางใจทั้งอุตสาหกรรมขนาดเล็กไปจนถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ 😀

เข้าใจหลักการทำงานของเครื่องดักฝุ่นโรงงาน ทั้ง 5 แบบ

ฝุ่นละอองในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นปัญหาด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม ดังนั้น การดักจับฝุ่นละอองอย่างมีประสิทธิภาพคือสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสุขภาพ บทความนี้จึงจะมาอธิบายให้ผู้ประกอบการเข้าใจแบบนึกภาพตามได้ง่าย ๆ ว่าหลักการทำงานของเครื่องดักฝุ่นในโรงงานเป็นอย่างไร พร้อมตอบว่าระบบดักฝุ่นมีกี่แบบ เพื่อการเลือกใช้งานได้อย่างตรงจุด ติดตามได้เลย 1. ระบบเก็บฝุ่นแบบถุงกรอง (Baghouse Collectors) หลักการทำงานของเครื่องดักฝุ่นแบบถุงกรอง ระบบเก็บฝุ่นแบบถุงกรอง (Baghouse Collectors) ทำงานโดยใช้หลักการกรองอากาศผ่านวัสดุที่เป็นเส้นใย โดยอากาศที่มีฝุ่นปนเปื้อนจะถูกดูดผ่านถุงกรองที่ทำจากผ้าหรือวัสดุสังเคราะห์ เช่น ถุงกรองจาก PE ซึ่งฝุ่นจะถูกดักจับไว้บนผิวของถุงกรอง ในขณะที่อากาศสะอาดจะผ่านทะลุออกไป เมื่อถุงกรองเต็มไปด้วยฝุ่น ระบบจะทำการเขย่าหรือฉีดอากาศย้อนกลับเพื่อทำความสะอาดถุงกรอง ทำให้ฝุ่นหลุดลงสู่ถังเก็บด้านล่าง เหมาะกับโรงงานประเภทไหน ระบบเก็บฝุ่นแบบถุงกรอง เหมาะสำหรับโรงงานที่มีปริมาณฝุ่นมาก เช่น โรงงานผลิตซีเมนต์ โรงสีข้าว โรงงานแปรรูปไม้ และโรงงานอุตสาหกรรมโลหะ เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นขนาดเล็กได้ดี สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกระบบเก็บฝุ่นแบบถุงกรอง ระบบเก็บฝุ่นแบบถุงกรองมีประสิทธิภาพในการกรองสูง สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กถึง 0.5 ไมครอน เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องในระยะยาว แต่ต้องการพื้นที่ติดตั้งค่อนข้างมาก และมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาถุงกรองเป็นระยะ ๆ 2. ระบบเก็บฝุ่นแบบไซโคลน (Cyclone Collectors)...

7 ระดับ ฉนวนมอเตอร์ไฟฟ้า

7 ระดับ ฉนวนมอเตอร์ไฟฟ้า การที่มอเตอร์ที่มีอุณหภูมิสูงเกิน หรือ Over Temperature อาจจะเกิดมาจาก การเลือกขนาด และชนิดของมอเตอร์ การติดตั้งไม่ถูกต้อง รวมไปถึงอุณหภูมิ ของสภาพแวดล้อมในขณะใช้งานสูงเกินมาตรฐาน หลาย ๆ ปัญหาที่เกิดกับมอเตอร์ รวมไปถึง ปัญหาที่เกิดจากมอเตอร์ที่มีอุณหภูมิสูงเกิน สามารถที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ ถ้าเข้าใจในหลักการทํางานของมอเตอร์ และเข้าใจถึงสภาพการนำไปใช้งานในวันนี้เราเลยจะมาแนะนำถึงระดับฉนวนกันความร้อนของมอเตอร์ ซึ่งในภาษาทางการเราจะเรียกว่า Insulation Class หรือ บางทีเพื่อง่ายต่อการสื่อสารเราก็จะเรียกสั้นๆว่า Class เฉยๆ ซึ่ง Class ของเจ้าตัวฉนวนนี้แหละจะเป็นตัวบ่งบอกคุณสมบัติ วัสดุและประสิทธิภาพ ของระดับฉนวนของมอเตอร์ตัวนั้น ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นเรามาดูกันระดับฉนวนของมอเตอร์ไฟฟ้า ( Insulation Class )ระดับฉนวน-อุณหภูมิที่ทดได้-รายละเอียด- Y 90 C เป็นฉนวนที่สามารถทดอุณหภูมิได้สูงสุด 90 องศาเซลเซียส- A 105 C เป็นฉนวนประเภทเทปผ้าฝ้าย ไหม ไฟเบอร์ กระดาษ อาบวานิช หรือจุ่มในน้ำมัน ตัวอย่าง ผ้าอาบวานิช เบคาไลท์ ซึ่งฉนวนประเภทนี้จะทนอุณหภูมิสูงสุด 105 องศาเซลเซียส- E 120 C...

ไฟ 1 เฟส กับ 3 เฟส ใช้งานแตกต่างกันอย่าง

ไฟ 1 เฟส กับ 3 เฟส ใช้งานแตกต่างกันอย่าง ปกติแล้ว เราใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มอเตอร์ พัดลม หลอดไฟ และ อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ในชีวิตประจำวันกันทุกวันอยู่แล้ว แต่ระบบไฟฟ้าที่เราใช้นั้นมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันในบทความนี้เราจะมาพูดถึงระบบไฟฟ้าแบบ 1 เฟส กับ ระบบไฟฟ้า 3 เฟส ซึ่งระบบไฟฟ้า 1 เฟส นั้นก้คือไฟบ้านที่เราใช้กันเป็นปกติอยู่ทุกวัน จะเป็นระบบไฟที่เหมาะกับการใช้งานไฟที่ไม่มาก ส่วนไฟระบบ 3 เฟซ นั้นจะใช้งานอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรม หรืออาคารพื้นที่ ที่มีกำลังการใช้ไฟที่มาก โดยแต่ละประเภทนั้นมีรายละเอียดดังนี้1. ระบบไฟฟ้า 1 เฟส คือ มีแรงดันไฟฟ้า 220 – 230 โวลท์ (Volt) มีความถี่ 50 เฮิร์ซ (Hz) จะมีสายไฟฟ้าในระบบจำนวน 2 สายประกอบด้วย           -สายไลน์ หรือสายเฟส หรือสายไฟ เขียนแทนด้วยตัวอักษร L (Line) 1 เส้น ทดสอบโดยใช้ไขควงวัดไฟ แตะสายจะพบว่าหลอดไฟเรืองแสงที่อยู่ภายในไขควงจะติดมีไฟ          -สายนิวทรอล หรือสายศูนย์ เขียนแทนด้วยตัวอักษร N (Neutral) ถ้านำไขควงวัดไฟมาทดสอบจะไม่มีไฟติด                       ดังจะเห็นได้จากปลั๊กไฟตามบ้านที่เห็นมีช่องเสียบอยู่ 2 ช่องนั้น ถ้าเอาไขควงสำหรับตรวจกระแสไฟฟ้าลองวัดดูจะเห็นได้ว่าช่องหนึ่งจะมีไฟแดงปรากฏ แสดงว่าไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน แต่เมื่อเวลาใช้งานกับหลอดไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าจำเป็นต้องใช้ร่วมกันทั้ง 2 สายเพื่อให้กระแสไฟฟ้าครบวงจรส่วนบางแห่งที่เห็นปลั๊กไฟมี 3 ช่องนั้นยังเป็นระบบไฟฟ้า...

เรื่องของสายไฟ อย่าปล่อยให้สายไป รู้จักกันไว้ ใช้งานถูกต้อง

เรื่องของสายไฟ อย่าปล่อยให้สายไป รู้จักกันไว้ ใช้งานถูกต้อง การแบ่งประเภทของสายไฟจะถูกจำแนกออกเป็น 2 ประเภทตามแรงดันไฟ คือ สายสำหรับไฟแรงดันต่ำ และ สำหรับไฟแรงดันสูง ซึ่งสายไฟที่ใช้ตามอาคารบ้านเรือนซึ่งจัดเป็นสายไฟแรงดันต่ำ ซึ่งเป็นประเภทสายไฟที่เราจะพูดถึงในบทความนี้ ในประเทศไทยเรานั้น สายไฟแรงดันต่ำจะต้องเป็นไปตามมาตรฐาน มอก.11-2531 หรือ TIS-11-2531 ตามมาตรฐานแล้วสายไฟแรงดันต่ำจะมีหลายขนาด (พื้นที่หน้าตัด) ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ซึ่งจะทนแรงดันไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 300 โวลต์ ถึง 750 โวลต์ สายไฟตามมาตรฐาน มอก.11-2531 จะแบ่งเป็นประเภทตามขนาด ความทนแรงดันไฟและการใช้งาน ได้ดังนี้  1. IV ( สายไฟ ไอวี ) สายไฟประเภทนี้มีลักษณะเป็นสายเดียวหรือแกนเดี่ยวชนิดทน แรงดันไฟ 300 โวลต์ ใช้เป็นสายเดินเข้าอาคารสำหรับที่พักอาศัยที่ใช้ ระบบ 1 เฟส และห้ามใช้กับ ระบบ 3 เฟส ที่มีแรงดัน 380 โวลต์ การใช้งาน ถ้าเดินสายลอยต้องยึดด้วยวัสดุฉนวน หรือเดินในช่องเดินสายสายในสถานที่แห้งแต่ห้ามร้อยท่อฝังดินหรือฝังดินโดยตรง 2. VAF ( สายไฟ วีเอเอฟ ) สายไฟประเภทนี้สามารถทนแรงดันได้ 300 โวลต์ มีทั้งประเภทที่เป็นสายเดี่ยวสายคู่และที่มีสายดินอยู่ด้วยถ้าเป็นสายเดี่ยวจะมีลักษณะเป็นสายกลมและถ้าเป็นประเภท 2 แกนหรือ 3 แกนจะเป็นสายแบน ตัวนำนอกจากจะมีฉนวนหุ้มแล้วยังมีเปลือกหุ้มอีกชั้นหนึ่งสายคู่จะนิยมเดิน ตามฝาผนังด้วยเข็มขัดรัดสาย (Clip) หรือเดินในช่องเดินสาย แต่ห้ามเดินฝังดินโดยตรง การจะเดินสายประเภทนี้ใต้ดินจะต้องเดินในท่อฝังดินที่ปีกานป้องกันน้ำซึม เข้าท่อ ใช้ในบ้านอยู่อาศัยทั่วไปสายชนิดนี้ห้ามใช้ในวงจร 3 เฟสที่มีแรงดัน 380 โวลต์เช่นกัน ( ในระบบ3เฟสแต่แยกไปใช้งานเป็นแบบ1 เฟสแรงดัน 220 โวลต์จะใช้ได้ ) 3. THW ( สายไฟ เอชดับเบิลยู )เป็น สายไฟฟ้าที่สามารถทนแรงดันได้ 750โวลต์ มีลักษณะเป็นสายเดี่ยวนิยมใช้กันอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะใน โรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากใช้ในวงจรไฟฟ้าสามเฟสปกติ แกนของสายประเภทนี้มีตัวนำทองแดงจะมีหลายสายร้อยเป็นสายใหญ่หนึ่งแกน...

9 เคล็ดลับ ตรวจเช็คและดูแลบำรุงรักษาพัดลมโบลเวอร์

9 เคล็ดลับ ตรวจเช็คและดูแลบำรุงรักษาพัดลมโบลเวอร์ การตรวจเช็คและดูแลบำรุงรักษาพัดลมโบลเวอร์ก็จะทำให้พัดลมโบลเวอร์มีอายุการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น ทางเรามีเคล็ดลับดีๆมาแนะนำ 9 วิธี1. ใบพัด1.1.ควรตรวจเช็คเป็นประจำทุกๆปี ตรวจเช็คว่ามีสิ่งแปลกปลอมหรือสิ่งสกปรกเข้าไปติดที่ใบพัดหรือไม่เพราะจะทำให้ใบพัดสั่นและส่าย  เกิดการเสียสมดุลและจะส่งผลให้เกิดการสึกหรอของลูกปืน  และ พู่เล่ย์  ซึ่งทำให้อายุการใช้งานของอุปกรณ์เหล่านี้สั้นลง1.2.ควรตรวจเช็คใบพัดว่ามีการเกิดสนิมและการกัดกร่อน  หรือ  ชำรุดเสียหายหรือไม่  ถ้าใบพัดอยู่ในสภาพใช้งานได้ควรนำใบพัดไปทำสีใหม่  พร้อมทั้งทำการตั้งศูนย์  ( balance) ใบพัดใหม่เพื่อความสมดุล1.3.ควรทำความสะอาดใบพัดเป็นประจำทุกๆปี   โดยเฉพาะใบพัดแบบโค้งหน้า ( forward curve ) ซึ่งตัวใบจะเป็นแอ่งโค้งไปข้างหน้า  ถ้ามีสิ่งสกปรกมาสะสมตัวอยู่ที่ใบมากๆจะส่งผลให้ทำปริมาณลมได้น้อยกว่าปกติหรือทำให้ใบพัดเสียสมดุล  และจะส่งผลให้ลูกปืนสึกหรอเร็วหรืออายุการใช้สั้นลง2. ตลับลูกปืน2.1.ควรตรวจเช็คว่าจารบีที่ตลับลูกปืนแห้งหรือยัง   และ  ควรอัดจารบีเป็นประจำทุกๆ  1,000 ชั่วโมง   การอัดจารบีควรอัดในปริมาณที่พอเหมาะ  คือ  ควรอัดจารบีของใหม่เข้าไปเติมในส่วนที่ขาดหายไปหรือ   ถ้าอัดจนจารบีของเก่าล้นออกมานอกตลับลูกปืน ควรเช็ดออกให้หมดเพราะถ้าไม่เช็ดออกจะทำให้จารบีที่ล้นออกมาปั่นเอาเศษฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกเข้าไปปะปนในตลับลูกซึ่งจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลง2.2.ควรตรวจเช็คว่าลูกปืนเสียงดังและมีความร้อนสูงมากผิดปกติหรือไม่   อุณหภูมิปกติของลูกปืนไม่ควรเกิน 70 องศาเซลเซียส ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ลูกปืนเสียงดังและร้อนผิดปกติอาจเกิดจากการตั้งสายพานตึงเกินไป  หรือลูกปืนหมดอายุในการใช้งาน ซึ่งอายุการใช้ของลูกปืนจะอยู่ที่  5  ปี  ถ้าลูกปืนหมดอายุการใช้งานแล้วยังฝืนใช้งานอยู่อาจจะทำให้ลูกปืนล็อคได้ถึงขั้นทำให้แกนเพลาสึกได้3. พู่เล่ย์3.1.ควรตรวจเช็คพู่เล่ย์เป็นประจำทุกๆปี   ว่าอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ตามปกติหรือไม่  อายุการใช้งานของพู่เล่ย์อยู่ที่ 7  ปี  พู่เล่ย์จะมีอายุการใช้ครบ 7  ปีหรือไม่ขึ้นอยู่กับการปรับตั้งสายพาน  ไม่ควรปรับตั้งสายพานหย่อนเกินไปเพราะจะทำให้เกิดการสลิป ( slip ) ของสายพานช่วงสตาร์ทพัดลมเป็นผลทำให้พู่เล่ย์สึกและอายุการการใช้งานสั่นลงกว่าปกติ3.2.เวลาเปลี่ยนพู่เล่ย์ใหม่ทุกครั้งควรตรวจเช็คว่าพู่เล่ย์เรียบไม่มีรอยแหว่งหรือมีปุ่ม  ตามด  ...

7 อุปกรณ์ กำจัดมลพิษทางอากาศในโรงงาน

7 อุปกรณ์ กำจัดมลพิษทางอากาศในโรงงาน การเลือกใช้อุปกรณ์สำหรับกำจัดมลพิษทางอากาศในโรงงานนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่ ประสิทธิภาพที่ต้องการในการกำจัด คุณสมบัติของสารมลพิษ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น การละลาย ขนาดของอนุภาค ความเข้มข้น ปริมาณของสารมลพิษ และลักษณะของกระบวนการผลิต ดังนั้นจึงสามารถแยกอุปกรณ์กำจัดสารมลพิษ ที่เหมาะสมกับลักษณะปัญหา ดังนี้1. ห้องดักฝุ่น (Setting chamber) เป็นห้องหรือภาชนะขนาดใหญ่ ฝุ่นที่เคลื่อนผ่านจะตกลงยังพื้นห้องด้วยน้ำหนักของมันเอง จึงเหมาะสมกับฝุ่นหยาบ ๆ ขนาดใหญ่ หรือฝุ่นที่มีน้ำหนักมาก ระบบนี้ส่วนใหญ่เป็นระบบกำจัดขั้นต้น (Primary treatment) ก่อนจะผ่านไปยังระบบที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า2. ไซโคลน (Cyclone) เป็นอุปกรณ์ดักฝุ่นโดยอาศัยหลักการของแรงหนีศูนย์กลางไซโคลนแบบธรรมดาใช้ดักฝุ่นขนาด 50 ไมครอน (0.05 มม.) ขึ้นไปได้ดี ไซโคลนชนิดประสิทธิภาพสูง (High efficiency cyclone) ใช้ดักฝุ่นขนาดเล็กประมาณ 10 ไมครอน ขึ้นไปได้ดี ตัวอย่างโรงงานที่ใช้ไซโคลนในการดักฝุ่นละออง เช่น โรงเลื่อยไม้ โรงงานผสมอาหารสัตว์ ไซโล ขี้เถ้าแกลบ และฝุ่นละอองจากการขัดโลหะ เป็นต้น3. ระบบผ้ากรอง (Bag filter) เป็นระบบขจัดฝุ่นละอองขนาดเล็กละเอียดโดยอาศัยการกรองด้วยถุงผ้า ถุงผ้าอาจทำด้วยผ้าฝ้ายหรือใยสังเคราะห์ซึ่งทอพิเศษ ระบบนี้ใช้ดักฝุ่นละอองจากการผสมเคมีและยาง ฝุ่นจากการขัดไม้และโลหะ ฝุ่นจากการหลอมตะกั่ว...

พัดลมอุตสาหกรรม โบลเวอร์ ระบบระบายอากาศ เพื่อคุณภาพชีวิตของคนทำงาน

พัดลมอุตสาหกรรม โบลเวอร์ ระบบระบายอากาศ เพื่อคุณภาพชีวิตของคนทำงานพัดลมอุตสาหกรรม เป็นอีกหนึ่งสิ่งจำเป็นสำหรับทุกๆอุตสาหกรรม เนื่องจากระบบหมุนเวียนอากาศที่ดีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน และเพื่อให้มั่นใจว่าในสถานที่แห่งนั้นจะมีออกซิเจนที่มากพอเพื่อการดำรงชีวิตอย่างปกติ จึงต้องมีการคิดล่วงหน้าอย่างหนัก ถึงอุปกรณ์ที่จะมีประสิทธิภาพมากพอสำหรับการสร้างสภาพอากาศที่ดี ทุกๆอุตสาหกรรมต้องการพัดลมดูดอากาศ และพัดลมระบายอากาศที่มีคุณภาพสูง และให้ผลของการหมุนเวียนอากาศที่ดีที่สุด ทั้งนี้ ระบบระบายอากาศดังกล่าว จะต้องคำนึงถึงความประหยัดพลังงานร่วมด้วย เนื่องจากอุปกรณ์ประเภทนี้ จะมีชั่วโมงการทำงานในแต่ละวันที่ยาวนานกว่าอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งบางแห่งมันต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมงด้วยซ้ำไป ดังนั้นการเลือกพัดลมอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมทุกความต้องการ ย่อมเป็นงานยากที่ต้องใช้การพิจารณาอย่างรอบคอบอากาศที่ดีและเหมาะกับการทำงานหรือทำกิจกรรมต่างๆจะต้องประกอบไปด้วย อากาศที่มีระดับออกซิเจนที่พอเหมาะเพื่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ อากาศที่ปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์ อากาศที่ปลอดภัยไร้มลพิษ ความเย็นในระดับที่พอเหมาะเพื่อให้ความสบายในการทำงานและการใช้ชีวิตในขณะนั้น ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่พัดลมอุตสาหกรรมต้องสร้างได้ และต้องทำได้อย่างมีประสิทธิภาพเกินกว่ามาตรฐานความต้องการ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาระบบในอนาคต และนั่นคือโจทย์ของการเลือกพัดลมอุตสาหกรรม หรือโบลเวอร์นอกจากอากาศที่ดีที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว สิ่งที่พัดลมอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพสูงต้องทำให้ได้ ความเงียบ เพราะสถานที่ทำงานเป็นพื้นที่ที่ต้องการความเงียบเพื่อสมาธิในการทำงาน อีกทั้งยังช่วยให้เราสังเกตความผิดปกติของอุปกรณ์หรือเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งถ้าอุปกรณ์ที่ควรเงียบเวลาทำงาน กลับมีเสียงดังแบบแปลกๆ หรือเสียงการทำงานที่ผิดปกติ เราจะสามารถรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของอุปกรณ์เหล่านั้น และสามารถจัดการแก้ไขได้อย่างเหมาะสมต่อไป แต่ถ้าสถานที่ทำงานที่มีแต่เสียงพัดลมระบายอากาศที่ดังอื้ออึงตลอดเวลา แม้มันจะให้ความสดชื่น เย็นสบาย แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นสถานที่ที่น่าอยู่สักเท่าไหร่ และคนทำงานทุกคนคงไม่มีใครอยากจะตะโกนคุย ตะโกนสั่งงาน แข่งกับเสียงพัดลมที่ดังพอๆกับเสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์ ฉะนั้นความเงียบเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่พัดลมอุตสาหกรรมต้องมีพัดลมอุตสาหกรรมแบบโบลเวอร์ เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของพัดลมอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมทุกสิ่งอย่างที่กล่าวมา อากาศที่สะอาด บริสุทธิ์ ปราศจากกลิ่นรบกวน...