ยังมีหลายๆ คนที่สงสัยว่าทำไมในยุคนี้ถึงจำเป็นต้องใช้เครื่องฟอกอากาศ แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกคนทราบดีว่าสภาพอากาศของประเทศไทยโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ นั้นไม่ใช่อากาศที่บริสุทธิ์อีกต่อไป เนื่องจากอากาศเหล่านั้นมีการปนเปื้อนของควันพิษ และฝุ่นละอองอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 การหาเครื่องฟอกอากาศที่มีคุณภาพมาใช้เพื่อช่วยลดปัญหาฝุ่นในบ้านนั้นจึงถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน
1. เครื่องฟอกอากาศดีอย่างไร?
เครื่องฟอกอากาศ คือเครื่องมือที่จะช่วยให้อากาศภายในบริเวณที่ตัวเครื่องทำงานนั้นมีความสะอาดมากขึ้น ซึ่งเครื่องฟอกอากาศจะทำหน้าที่ดูดอากาศเข้าไปผ่านตัวกรอง โดยที่ตัวกรองนั้นจะทำหน้าที่กรองสิ่งแปลกปลอมในอากาศ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น เชื้อโรค แบคทีเรีย รวมไปถึงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ แล้วจึงปล่อยอากาศที่สะอาดออกมานั่นเอง
เครื่องฟอกอากาศ
2. เครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างไร?
หลักการทำงานของเครื่องฟอกอากาศคือการนำอากาศเข้าไปผ่านตัวกรองเพื่อดักจับสิ่งแปลกปลอม แล้วปล่อยอากาศที่บริสุทธิ์ออกมา แต่วิธีการกรองอากาศในเครื่องฟอกอากาศแต่ละรูปแบบนั้นมีความแตกต่างกัน ด้วยลักษณะการทำงาน และระบบการกรองอากาศ รูปแบบการกรองอากาศที่นิยมใช้งานในปัจจุบันนั้นมี 6 ประเภทได้แก่
การใช้แผ่นกรองอากาศ หรือ Air Filters เครื่องฟอกอากาศระบบนี้เป็นการใช้แผ่นกรองอากาศทำหน้าที่ในการดักจับฝุ่นละออง หรือเชื้อโรค โดยแผ่นกรองอากาศจะทำมาจากกระดาษ หรือเส้นใยต่างๆ ซึ่งตัวกรองแต่ละประเภทก็มีประสิทธิภาพ และความทนทานในการทำงานที่แตกต่างกันออกไป
การใช้หลักไฟฟ้าสถิต หรือ Electrostatic Precipitator (ESP) เป็นการทำงานโดยปล่อยไฟฟ้าประจุลบออกมาในอากาศ เพื่อให้ประจุลบนั้นดักจับฝุ่นละอองในอากาศ ซึ่งประจุลบจะทำให้ฝุ่นละอองเหล่านั้นตกลงบนพื้นไม่ลอยฟุ้งไปในอากาศ
การฟอกอากาศโดยใช้สารเคมี หรือ Gas-Phase air filters เครื่องฟอกอากาศประเภทนี้จะเน้นในเรื่องการกำจัดกลิ่นต่างๆ ที่เป็นไอ เป็นก๊าซ และสารระเหยโดยเฉพาะ โดยใช้สารเคมีที่มีความสามารถในการดูดซับมลพิษทำหน้าที่กรองอากาศ เครื่องฟอกอากาศระบบนี้นิยมติดตั้งในห้องครัว เนื่องจากสามารถกรองอากาศที่มีกลิ่นก๊าซหุงต้ม และควันจากการทำอาหารได้ดี
เครื่องฟอกอากาศระบบโอโซน หรือ Ozone generator เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ใช้หลักการกำจัดอนุภาคของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เชื้อโรค และสารต่างๆ ที่ปนเปื้อนมาในอากาศโดยใช้ระบบโอโซน แต่โอโซนนั้นมีผลข้างเคียงต่อร่างกายของคนเรามากพอสมควร ทำให้เครื่องฟอกอากาศระบบนี้ไม่เป็นที่นิยมใช้มากนัก
เครื่องฟอกอากาศระบบไฮบริด Hybrid Filters เครื่องฟอกอากาศระบบไฮบริดคือการนำจุดเด่นของเครื่องฟอกอากาศระบบต่างๆ มาผสมกันนั่นเอง ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการฟอกอากาศ แต่การผสมผสานเทคโนโลยีต่างๆ เข้าด้วยกันทำให้เครื่องฟอกอากาศระบบนี้มีราคาที่ค่อนข้างสูง
เครื่องฟอกอากาศระบบ UV Light เครื่องฟอกอากาศระบบนี้ทำงานโดยใช้รังสีอัลตร้าไวโอเลต มาใช้ในการกำจัดเชื้อโรค และฝุ่นละอองต่างๆ ที่ลอยมาในอากาศได้เป็นอย่างดี
ทำงานอย่างไร
3. เลือกเครื่องฟอกอากาศแบบไหนดี?
การเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศแบบต่างๆ นั้นอยู่ที่ความเหมาะสม และความสะดวกของผู้ใช้งานเป็นหลัก ซึ่งเครื่องฟอกอากาศนั้นมีหลายรูปแบบ หลายขนาด การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ถูกต้องในอันดับแรกคือต้องเลือกให้ได้ก่อนว่าจะใช้เครื่องกรองอากาศที่มีระบบการกรองแบบไหน และระบบเสริมต่างๆ ที่อยู่ในเครื่องฟอกอากาศว่าเครื่องแบบไหนที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
ข้อควรพิจารณาต่อมาในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศคือขนาดของพื้นที่ หรือขนาดของห้องที่ต้องการนำเครื่องฟอกอากาศไปใช้งาน การเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศต้องมีความเหมาะสมกับขนาดของห้อง ถ้าใช้เครื่องฟอกอากาศขนาดเล็กไปไว้ในห้องขนาดใหญ่เครื่องฟอกอากาศจะไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ แต่ถ้าใช้เครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่มาใช้งานในห้องที่มีขนาดเล็กก็จะเปลืองไฟ
ส่วนในเรื่องของราคา และการบำรุงรักษาก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ถ้าเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ต้องการได้แล้วควรมีการเปรียบเทียบราคากับแบรนด์อื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคารวมของตัวเครื่อง ราคาค่าอะไหล่ ความสามารถในการดูแลหลังการขาย เพราะเครื่องฟอกอากาศนั้นจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนไส้กรองตามระยะเวลาที่กำหนด ราคาอะไหล่ต่างๆ เหล่านี้ควรนำมาพิจารณาในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศด้วย
เลือกเครื่องฟอกอากาศ
4. เครื่องฟอกอากาศแบบกรองฝุ่น PM 2.5 คืออะไร?
ความนิยมในการใช้เครื่องฟอกอากาศกลับมาเป็นกระแสอีกครั้งหลังจากที่ประเทศไทยได้เผชิญกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างรุนแรงในหลายๆ พื้นที่ หลายคนยังเข้าใจว่าเครื่องฟอกอากาศทุกประเภทสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เครื่องฟอกอากาศที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้นั้นต้องเป็นเครื่องที่มีไส้กรองชนิด HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter) เพราะว่าไส้กรองชนิดนี้สามารถกรองฝุ่นได้ละเอียดถึงขนาด 0.3 ไมครอน
แบบกรองฝุ่นPM2.5
5. วิธีการใช้เครื่องฟอกอากาศที่ถูกต้องทำอย่างไร?
เมื่อเลือกได้เครื่องฟอกอากาศที่ถูกใจ และตรงตามความต้องการแล้ว การเริ่มต้นใช้เครื่องฟอกอากาศอันดับแรกคือต้องอ่านคู่มือการใช้งานให้เข้าใจถึงข้อปฏิบัติต่างๆ ในการใช้งาน เพื่อที่จะใช้งานได้ถูกต้อง และอยู่ในเงื่อนไขของการรับประกัน
การเริ่มต้นใช้งานจริงของเครื่องฟอกอากาศนั้นไม่ใช่เพียงแค่เสียบปลั๊กแล้วใช้ได้เลย การเริ่มต้นใช้งานโดยทั่วๆ ไปจำเป็นต้องเปิดฝาหลังของเครื่อง แล้วนำไส้กรองทั้งหมดมาแกะพลาสติกที่หุ้มอยู่ออกให้หมด จากนั้นจึงนำกลับเข้าไปเรียงไว้ตามตำแหน่งเดิม ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายๆ ลืมไป ซึ่งการไม่แกะพลาสติกห่อหุ้มไส้กรองออกเท่ากับเปิดเครื่องฟอกอากาศไว้เฉยๆ โดยไม่มีประโยชน์อะไรเลย รวมไปถึงจะทำให้เครื่องฟอกอากาศชำรุดอีกด้วย
วิธีใช้เครื่องฟอกอากาศ
6. วางเครื่องฟอกอากาศตรงไหนดีที่สุด?
ตำแหน่งในการวางเครื่องฟอกอากาศเพื่อใช้งานถือว่าเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งต้องทำความเข้าใจก่อนว่าอากาศที่ถูกเข้านั้นจะมาจากด้านข้างของเครื่อง แล้วปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกไปทางด้านบนของเครื่อง
ไม่ควรวางเครื่องฟอกอากาศใต้เครื่องปรับอากาศ เพราะว่าแรงดูอากาศของเครื่องปรับอากาศนั้นแรงกว่าของเครื่องฟอกอากาศ ถ้าวางในตำแหน่งนี้จะทำให้เครื่องฟอกอากาศนั้นทำงานหนักเกินไป เนื่องจากเครื่องปรับอากาศจะดูดฝุ่นจำนวนมากเข้ามาเกินกว่าที่เครื่องฟอกอากาศจะรับได้ รวมไปถึงแรงดูดของเครื่องปรับอากาศจะดูดอากาศที่เครื่องฟอกอากาศปล่อยออกมาเข้าไปอีกด้วย ดังนั้นเครื่องฟอกอากาศควรวางไว้ให้ห่างจากเครื่องปรับอากาศ
นอกจากนี้ยังไม่ควรวางเครื่องฟอกอากาศไว้บริเวณหัวนอน เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศจะดูดอากาศเข้าไปเพื่อกรอง ดังนั้นถ้าวางเครื่องฟอกอากาศไว้บริเวณหัวนอนก็จะเป็นการนอนโดยที่เครื่องฟอกอากาศจะดูดฝุ่นผ่านตัวเราเข้าไปนั่นเอง รวมไปถึงไม่ควรวางไว้บริเวณหน้าห้องน้ำ เพราะเครื่องฟอกอากาศจะดูดความชื้น ดูดสิ่งสกปรกเข้าไปมากเกินความสามารถที่จะกรองได้
ตำแหน่งการวางเครื่องฟอกอากาศที่ดีที่สุดคือวางในที่โล่ง ไม่อยู่ใกล้ที่นั่ง หรือที่นอนจนเกินไป ควรว่างให้ห่างผนังประมาณ 10 ซ.ม. และรอบข้างไม่ควรมีอะไรขวาง เพียงเท่านี้เครื่องฟอกอากาศก็สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
วางเครื่องฟอกอากาศ
7. ควรเปลี่ยนไส้กรองเครื่องฟอกอากาศเมื่อไหร่?
ไส้กรองในเครื่องฟอกอากาศแบบที่มีคุณภาพมาตรฐานซึ่งนิยมใช้งานอยู่ในขณะนี้ ส่วนมากจะมีไส้กรองทั้งหมด 3 ชั้นเป็นอย่างน้อย โดยไส้กรองทั้งสามชั้นจะประกอบด้วย
แผ่นกรองอากาศชั้นต้น (Pre Filter) ไส้กรองนี้จะเป็นไส้กรองชั้นแรกซึ่งมีหน้าที่ดักจับฝุ่นขนาดใหญ่ ก่อนที่จะผ่านเข้าไปถึงไส้กรองด้านใน ไส้กรองชั้นต้นนี้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อยถ้าหากไม่มีการฉีกขาด หรือชำรุด เพียงแค่ถอดออกมาใช้น้ำล้างให้สะอาดประมาณเดือนละ 1 ครั้งก็พอแล้ว
แผ่นกรองอากาศ HEPA (HEPA Filter) เป็นไส้กรองอากาศประสิทธิภาพสูง ซึ่งสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างสบาย มีความละเอียดสูงมาก ซึ่งไส้กรองอันนี้ไม่ควรทำความสะอาดด้วยน้ำ หรือน้ำยา เพราะจะทำให้เสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น การเปลี่ยนไส้กรอง HEPA ควรทำทุก 6 เดือน
แผ่นกรองคาร์บอน (Carbon Filter) เป็นไส้กรองในส่วนของการกรองกลิ่นต่างๆ ในอากาศนั่นเอง ซึ่งการเปลี่ยนไส้กรองคาร์บอนนั้นในการใช้งานตามปกติควรเปลี่ยนทุก 6 เดือน และไส้กรองคาร์บอนไม่สามารถล้างน้ำได้
ไส้กรองเครื่องฟอกอากาศ
8. ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเครื่องฟอกอากาศมีอะไรบ้าง?
หลายคนยังคิดว่าเครื่องฟอกอากาศสามารถกำจัดฝุ่นละอองได้หมด ซึ่งเครื่องฟอกอากาศไม่สามารถทำได้ขนาดนั้น ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องฟอกอากาศแล้วก็ต้องทำความสะอาดบ้านตามปกติ เพราะถ้าไม่ทำความสะอาดบ้านเลยเครื่องฟอกอากาศจะยิ่งทำงานหนักเนื่องจากมีฝุ่นเพิ่มมากขึ้น
เครื่องฟอกอากาศไม่สามารถรักษาโรคภูมิแพ้ได้ เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศสามารถดักจับฝุ่นละออง หรือสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่สามารถดักจับได้ทั้งหมด ดังนั้นการมีเครื่องฟอกอากาศเป็นการช่วยบรรเทาอาการของภูมิแพ้เนื่องจากอากาศในบริเวณที่มีเครื่องฟอกอากาศนั้นจะดีขึ้น ไม่ใช่การรักษาโรคภูมิแพ้
เข้าใจผิดเกี่ยวกับเครื่องฟอกอากาศ
9. ราคาที่เหมาะสมของเครื่องฟอกอากาศ?
เครื่องฟอกอากาศนั้นมีหลายรูปแบบ หลายราคา ซึ่งราคาของเครื่องฟอกอากาศจะขึ้นอยู่กับขนาด และระบบในการทำงานว่ามีความสามารถในการฟอกอากาศได้มากน้อยขนาดไหน ลูกเล่นเสริมต่างๆ ที่ติดมากับเครื่อง รวมไปถึงชื่อของแบรนด์ต่างๆ ซึ่งเป็นตัวกำหนดราคาอีกด้วย ซึ่งในแต่ละแบรนด์นั้นจะมีราคาที่ไม่เท่ากัน ถ้าเป็นแบรนด์แบบ OBM คือเจ้าของแบรนด์ผลิตเองขายเอง อย่างเช่น Panasonic Samsung Hitachi แบรนด์เหล่านี้จะมีราคามาตรฐานที่ไม่ต่างกันนัก
ส่วนเครื่องฟอกอากาศที่เป็นแบรนด์ OEM คือการจ้างโรงงานที่ผลิตเครื่องฟอกอากาศอยู่แล้วให้ผลิตให้โดยใส่ชื่อแบรนด์ใหม่ของตัวเอง แบรนด์ OEM ส่วนมากจะมีราคาถูกกว่าแบรนด์ OBM และสามารถเทียบอะไหล่บางชนิดใช้งานแทนกันได้ จุดสังเกตว่าเป็นแบรนด์ OEM คือไม่รู้จักในวงกว้าง เป็นแบรนด์ที่รู้จักกันเฉพาะภายในประเทศที่วางจำหน่ายเท่านั้น
สำหรับเครื่องฟอกอากาศระบบ Air Filters ที่นิยมมากในปัจจุบันนั้น ราคาเฉลี่ยนของแบรนด์ OBM จะอยู่ที่ 3,000 – 15,000 บาท ตามแต่ขนาดของเครื่อง แบรนด์ และฟังก์ชั่นในการใช้งาน ส่วนเครื่องฟอกอากาศที่เป็นแบรนด์ OEM จะมีราคาถูกกว่า OBM ประมาณ 40%