294642708_452685863532049_2906726039201655041_n
พัดลมไม่หมุน วิธีซ่อมง่าย ๆ ด้วยตนเอง
4z-z1587322074912

บทความนี้เราขอนำเสนอสาระความรู้เรื่อง พัดลมไม่หมุน โดยมีวิธีซ่อมง่าย ๆ ด้วยตนเอง เพื่อให้ทุกท่านได้นำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ช่วงนี้อากาศประเทศไทยค่อนข้างร้อนมากๆ ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีหน้าที่ทำความเย็นต้องทำงานอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และพัดลม เมื่อทำงานหนักมากๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ก็อาจเกิดชำรุดเสียหายขึ้นได้

สาเหตุที่พัดลมไม่หมุน เกิดจากอะไรได้บ้าง

1. แกนหมุนใบพัดไม่สะอาด

อาการของสาเหตุนี้ ให้คุณลองสังเกตดูว่ามอเตอร์จะทำงานอยู่ แต่ใบพัดจะหมุนค่อนข้างช้ากว่าปกติ หรือพัดลมไม่หมุนเลย ที่เกิดอาการแบบนี้ อาจเกิดจากแกนใบพัดมีสิ่งสกปรกอยู่ ตัวอย่างเช่น ขนสัตว์ ฝุ่น เส้นผม เข้าไปพันอยู่ภายในแกนหมุน ทำให้พัดลมหมุนช้า ซึ่งสาเหตุนี้สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก เพียงแค่ถอดออกมาทำความสะอาดก็สามารถนำกลับไปใช้ได้ปกติ

2. บุชและแกนหมุนเสื่อม

บุช คือ อุปกรณ์ที่อยู่บริเวณข้างหน้ามอเตอร์ มีลักษณะเป็นวงกลมครอบแกนหมุนพัดลม หากคุณทำความสะอาดแกนหมุนใบพัด หยอดน้ำยาอเนกประสงค์เรียบร้อยแล้วแต่พัดลมก็ยังไม่หมุน อาจเกิดปัญหาที่เกี่ยวกับแกนหมุนใบพัดหรือบุชเสื่อมสภาพ จะต้องแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนบุชใหม่ หรือหากต้องการความรวดเร็ว แนะนำให้ซื้อบุชแบบสำเร็จรูปมาเปลี่ยนด้วยตนเองได้เลย

3. มอเตอร์มีปัญหา

ปัญหานี้สามารถสังเกตได้จาก เสียงมอเตอร์ที่เงียบหรือแทบจะไม่ได้ยินเสียงมอเตอร์ทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากมีอาการแบบนี้ก็เตรียมเปลี่ยนมอเตอร์ใหม่ได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม มักไม่ค่อยนิยมเปลี่ยนมอเตอร์พัดลมเนื่องจากมีราคาสูง ไม่คุ้มที่จะซ่อมเพราะเพิ่มเงินอีกไม่เท่าไหร่ก็จะได้พัดลมเครื่องใหม่แล้ว

4. BUSH เสื่อม

BUSH อุปกรณ์สี่เหลี่ยมเล็กๆ อยู่บริเวณด้านข้างมอเตอร์ เมื่อบุชเกิดการเสื่อมสภาพ จึงทำให้พัดลมไม่หมุน วิธีการแก้ไขง่ายๆ เพียงแค่เปลี่ยน BUSH ใหม่ก็สามารถทำให้พัดลมกลับมาใช้งานได้ ซึ่งอุปกรณ์ชิ้นนี้มีราคาไม่สูงมาก และสามารถเปลี่ยนได้ด้วยตนเอง

สาเหตุของพัดลมไม่หมุน อาจเกิดจากสาเหตุเดียวหรือหลายสาเหตุร่วมกัน เพราะฉะนั้น คุณจะต้องหมั่นสังเกตให้ดีว่าปัญหาที่คุณกำลังเผชิญนั้นเกิดจากอะไร เพื่อดำเนินการซ่อมเบื้องต้นด้วยตนเอง ซึ่งวิธีการซ่อมก็ไม่ยากอย่างที่คิด

การซ่อมพัดลมไม่หมุนด้วยตนเอง

1. การเปลี่ยน BUSH ที่เสื่อมสภาพ

  • เตรียมเครื่องมือ โดยเครื่องมือที่ต้องเตรียมสำหรับการซ่อมพัดลม พัดลมไม่หมุน มีดังนี้ ไขควงแฉก Cutter  หัวแร้ง  ตะกั่วบัดกลี 
  • ถอดพัดลม เริ่มจากไขน๊อตที่บริเวณหลังพัดลม ตัว BUSH จะอยู่บริเวณมอเตอร์เป็นลักษณะคล้ายๆกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ปลอกสายไฟเพื่อทำการบัดกลี ขั้นตอนนี้จะต้องมีความระมัดระวังไม่ให้ไปโดนส่วนอื่นๆ ของสายไฟ หากไม่มีหัวแร้ง สามารถพันเองด้วยมือได้เพียงแต่ต้องพันให้แน่นๆ หลังจากนั้นจึงพันด้วยเทปพันสายไฟ
  • ใส่อุปกรณ์ที่ถอดออกมากลับเข้าที่ให้เรียบร้อย นำ BUSH มีใส่ตรงที่เดิม ไขน๊อตให้เรียบร้อย หากมอเตอร์เสียแนะนำว่า ควรดูว่าคุ้มค่ากับราคาค่าซ่อมหรือไม่ เพราะมอเตอร์นั้นมีราคาประมาณ 200-300 บาท อาจไม่คุ้มค่ากับการซ่อม

2. การทำความสะอาดพัดลม

สามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ  ได้ดังนี้

    • เตรียมอุปกรณ์ แปรงสีฟัน ผ้าแห้ง  น้ำสะอาด น้ำยาทำความสะอาด
    • แกะตะแกรงพัดลมออก และแกะอุปกรณ์ต่างๆ จะมีประมาณ 3 -5 ชิ้น ถอดตามลำดับ ถอดตัวล็อคใบพัดออก แล้วจึงหมุนใบพัดลมออก  ถอดตัวล็อคตะแกรง และถอดตะแกรงด้านหลังออก
    • ทำความสะอาดตะแกรงและอุปกรณ์ทุกชิ้นส่วนด้วยการใช้แปรงสีฟันขัดคราบสิ่งสกปรกออกให้เรียบร้อย
    • นำผ้าแห้งมาเช็ดตะแกรงและอุปกรณ์ชิ้นอื่นๆ ให้แห้ง แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้งสนิท ทาน้ำมันหล่อลื่น(น้ำมันเครื่องเก่า หรือน้ำมันหยอดจักร)
    • นำชิ้นส่วนมาประกอบ ไล่จาก ตะแกรงหลัง ตัวล็อกตะแกรงหลัง ใบพัด ตัวล็อกใบพัด ตะแกรงหน้า ตามลำดับ 
    • หมุนล็อคชิ้นส่วนให้แน่นทุกชิ้นเพื่อความปลอดภัย เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ควรทำความสะอาดพัดลมบ่อยๆ เพื่อเป็นการบำรุงรักษาพัดลมให้ใช้ได้อย่างยาวนาน และเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวท่านและคนในครอบครัวที่ท่านรัก

การเลือกมอเตอร์พัดลม

มอเตอร์พัดลม คือ มอเตอร์ไฟฟ้าอย่างหนึ่งที่ใช้ติดเข้ากับใบพัดของพัดลม ซึ่งจะช่วยระบายลมให้ผ่านทางช่องระบายอากาศ มอเตอร์พัดลม เป็นตัวที่กำหนดราคาพัดลม ซึ่งพัดลมจะมีราคาถูกหรือแพง ส่วนมากก็จะขึ้นอยู่กับประเภทของมอเตอร์ ซึ่งทางเราก็มีมอเตอร์พัดลมที่หลากหลายมาแนะนำทุกท่าน ดังนี้

1. มอเตอร์ AC

มอเตอร์ AC เป็นมอเตอร์ที่สามารถหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด ราคาไม่แพงมาก มักใช้กับพัดลมรุ่นเก่าๆ ใช้งานง่าย เหมาะกับการใช้งานที่ไม่หนักมาก ฟังก์ชันการใช้งานไม่ซับซ้อน

2. มอเตอร์ DC

มอเตอร์ชนิดนี้ ได้มาตรฐานมีประสิทธิภาพการใช้งานที่ดี ทนทาน สามารถทนต่อการใช้งานหนักๆ ใช้งานได้ต่อเนื่องนานหลายชั่วโมงได้ ข้อดีอีกหนึ่งอย่างของมอเตอร์ชนิดนี้คือ สามารถประหยัดพลังงานได้มาก ซึ่งแน่นอนว่าท่านสามารถลดค่าไฟฟ้าไปได้ถึง 3 ใน 4 หากเทียบกับมอเตอร์พัดลมแบบ AC อีกทั้งการทำงานยังมีเสียงที่เงียบ ไม่รบกวนการพักผ่อนอีกด้วย

พัดลมไม่หมุน มักเกิดจากสาเหตุอยู่ไม่กี่อย่าง เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถในการซ่อมแซมด้วยตนเอง สำหรับวิธีการดูแลรักษาที่ง่ายที่สุด นั่นก็คือการทำความสะอาดพัดลมอยู่อย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อจะช่วยรักษาพัดลมให้อยู่คงทนใช้ได้นานๆ หลายปี

วิธีเลือกซื้อพัดลม

1. เลือกซื้อพัดลมตามขนาดมอเตอร์

เนื่องจากขนาดของมอเตอร์มีความสัมพันธ์กับราคา มอเตอร์พัดลมมีอยู่ 2 ประเภทคือ มอเตอร์ AC พัดลมแบบทั่วไปที่หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง แต่ไม่ควรเปิดทิ้งไว้นานๆ และ มอเตอร์ DC ที่เสียงการทำงานเงียบ แต่ลมแรง ช่วยประหยัดไฟ จึงมีราคาสูงกว่ามอเตอร์ AC

2. เลือกซื้อตามลักษณะการใช้งาน

พัดลมมีอยู่หลายแบบ ทั้งแบบตั้งพื้น ตั้งโต๊ะ แบบแขวนผนัง หากให้แนะนำพัดลมที่สะดวกต่อการใช้งานและราคาเหมาะสมมากที่สุด เราขอแนะนำ พัดลมแบบตั้งโต๊ะหรือตั้งพื้น เนื่องจากใช้งานง่าย ขนย้ายสะดวก

3. เลือกพัดลมที่ได้มาตรฐาน มอก. และมีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5

พัดลมเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราต้องใช้งานอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าร้อน เรามักเปิดพัดลมเป็นเวลานานมากขึ้น ดังนั้นควรเลือกซื้อพัดลมที่ได้มาตรฐานการรับรองจาก มอก. เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ใช้ และหากมีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้อีกด้วย

4. เลือกจากระบบการควบคุม

ในปัจจุบัน พัดลมมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น มีทั้งพัดลมที่ควบคุมด้วยระบบรีโมทคอนโทรล และแบบตั้งปุ่มกดธรรมดา ดังนั้นหากคุณชอบความทันสมัย สะดวกสบาย ก็สามารถเลือกแบบรีโมทคอนโทรลได้เลย แต่หากคุณต้องการความทนทาน ใช้งานง่าย ก็ขอให้เลือกแบบปุ่มกดจะดีกว่า

พัดลมไม่หมุน มีสาเหตุอยู่ไม่กี่อย่าง เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถในการซ่อมด้วยตนเอง สำหรับวิธีการดูแลรักษาที่ง่ายที่สุด นั่นก็คือการทำความสะอาดพัดลมและแกนพัดลมอยู่เสมอ จะช่วยรักษาพัดลมให้อยู่คงทนใช้ได้นานหลายปี